รักแท้บทที่ 1 The First Lesson of True Love (เต็มเรื่อง)



เรื่องย่อ รักแท้บทที่ 1 The First Lesson of True Love
ระบิล (ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง) ชายหนุ่มผู้หวาดกลัวความรัก ได้เกิดความรู้สึกดี ๆ ขึ้นกับ ทิพย์ (บุญพิทักษ์ จิตต์กระจ่าง) หญิงสาวผู้เคยผิดหวังในความรักมาก่อน ระบิลศึกษาวิธีจีบสาวจากหนังสือและบทความต่าง ๆ มากมาย ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดำเนินไปอย่างช้า ๆ แต่แล้ววันหนึ่งทิพย์ก็ได้หายตัวไปจากชีวิตของระบิลโดยที่เขามิอาจล่วงรู้ถึงเหตุผลของเธอได้เลย

23 Comments

  1. รักแท้บทที่ 1 เป็นภาพยนตร์ไทยแนวโรแมนติก-ดราม่า ผลงานการกำกับของ สุเทพ ตันนิรัตน์ สร้างโดย บริษัท ไท เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด ออกฉายเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2538 เป็นผลงานการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกและเรื่องสุดท้ายของ บุญพิทักษ์ จิตต์กระจ่าง ก่อนเสียชีวิต ประกบคู่กับ ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง

  2. รักแท้บทที่ 1 เป็นเรื่องราวของ ระบิล ชายผู้หนึ่งซึ่งหวาดกลัวความรักและกำลังศึกษาเรื่องความรักจากหนังสือ รวมทั้งจากเพื่อนรอบข้าง โดยมี ทิพย์ หญิงสาวผู้เคยผิดหวังในรักและเป็นรักแรกของ ระบิล เพื่อให้ระบิลทดสอบบทเรียนรักแท้ของเค้า และส่วนหนึ่งของเนื้อเรื่องได้มีการกล่าวถึง นิยายเรื่องดัง สงครามชีวิต ของ ศรีบูรพา

  3. หนังเรื่องนี้คือหนังรักที่พูดถึงคนในวัยทำงาน ซึ่งแปลกกว่าในช่วงนั้นที่จะเน้นไปที่วัยรุ่นซะเป็นส่วนใหญ่
    การจับคู่ระหว่างพี่แท่ง กับ คุณเก๋ บุญพิทักษ์ จิตต์กระจ่าง ที่เวลานั้นกำลังมาแรงอย่างมาก ถือว่าเป็นคู่ขวัญที่เคมีเข้ากันอย่างยิ่ง ครับ.

  4. ใน “รักแท้บทที่ 1” ยังเป็นบทบันทึกอีกอย่างนั่นคือการมาของเพลงยุคอินดี้-อัลเทอร์เนทีฟด้วยเพลง ‘ลมหายใจ’ เพลงประกอบภาพยนตร์หลักของเรื่องจาก บอยด์ โกสิยพงศ์ จากอัลบั้ม Rhythm & Boyd ที่วางขายในปีเดียวกันนั้น ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์การบูมขึ้นมาของค่ายเพลงอิสระในบ้านเรา

  5. และอาจเป็นบทบันทึกแรกๆ ของหนังชีวิตคนวัยทำงานในกรุงเทพฯ ซึ่งต่างไปจากอดีตที่หนังไทยถ้าไม่ใช่เรื่องราวความรักในหนังวัยรุ่น หนังรักก็มักเป็นงานที่มีกลิ่นอายของหนังไทยยุค 80s ที่มีเรื่องชิงรักหักสวาทเน้นบทสนทนาเชือดเฉือนจากนิยายแนวโรแมนซ์ซึ่งเคยได้รับความนิยม หนังรักในช่วงดังกล่าวต่างไปจากยุคนี้ที่นิยมสร้างกันมาก เพราะทำออกมาแล้วมักไม่เคยทำเงิน โดย “รักแท้บทที่ 1” ถ่ายบรรยากาศที่สะท้อนความเป็นกรุงเทพฯ ชัดมาก ไม่่ว่าจะเป็นภาพรถราที่ติดตลอดทุกช่วงเวลา ความเครียดของคนทำงานที่มีเรื่องราวการฆ่าตัวตาย หรือก่ออาชญากรรมเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ไปจนการทะเลาะเบาะแว้งทั่วไปจากผู้คนมากมายที่เกิดขึ้นได้ในทุกๆ วัน รวมไปถึงอาชีพใหม่ๆ ความรักแบบสมัยใหม่ของผู้คนในเมืองที่ไม่ได้มีบทสรุปแค่แต่งงาน

  6. หน้าฉากหลักมันยังเป็นหนังรัก เรื่องราวความสัมพันธ์ของ ระบิล(ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง) กับ ทิพย์(บุญพิทักษ์ จิตกระจ่าง) ชายหนุ่มมีการศึกษาที่เริ่มประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน เริ่มอยากมีความรัก เขาเริ่มเรียนรู้ผู้หญิงจากหนังสือ “ผู้หญิงของคุณ” หนังสือประเภทฮาวทูขายดี ซึ่งปกหลังเป็นภาพถนนสู่เส้นทางอุดมคติคล้ายกับภาพความฝันที่ระวิ่งไปไม่รู้จบ ราวกับค้นหาคำตอบบางอย่างแก่ชีวิต

  7. หนังมีการมีเพศสัมพันธ์ไปจนอยู่กินกันก่อนแต่งงานแบบเรื่องรักร่วมสมัยโดยไม่ได้มีเพียงคู่เดียว ยังรวมไปถึง เกริก เพื่อนบ้านรวยของระที่เปลี่ยนผู้หญิงไม่เลือก ในขณะเดียวกันก็แอบสะกดรอยตามและหลงดีเจสาวชื่อดัง ,ป้อม ชายหนุ่มที่พยายามปิดบังความรักของตนกับเพื่อนๆ เพราะความกลัวจะถูกล้อจนอับอาย ,ชีวิตคู่ที่ไม่ได้สวยงามของพี่สาวทิพย์ พร้อมๆ กันนั้นยังมีดุสิต เพื่อนอีกคนที่แม้ไม่มีคู่ เขาก็มักทำละครเวทีเกี่ยวกับความรัก นำประเด็นนี้มาถกเถียงเป็นประจำ ก่อนจะคิดจะดัดแปลงงานวรรณกรรมของ ศรีบูรพา เรื่อง ‘สงครามชีวิต’ ให้เป็นละครร่วมสมัยเป็นผลงานเรื่องถัดไป

  8. บุคลิกตัวเอกของเรื่องอย่างระ ที่หนังดูจะไม่ให้ปูมหลังอะไรเลยเมื่อเทียบกับการตามค้นชีวิตนางเอก การกระทำหลายอย่างมันหุนหันพลันแล่นขาดสติไป และท่าทางบุคลิกซื่อๆ ไม่ประสาโลกของเขาก็ดูจะโชคดีเกินจะได้มาเป็นผู้จัดการ กระนั้นก็ตามหากมองจากช่วงเวลาดังกล่าว ระก็คือภาพลักษณ์ของมนุษย์เงินเดือนชนชั้นกลางในกรุงเทพฯ ทั่วไปที่เดินตามตรอกออกตามประตูโดยหวังว่าการทำงานอย่างขยันจะช่วยให้ชีวิตเจริญก้าวหน้า มีเพื่อนร่วมรุ่นต่างฐานะ ผิดกับทิพย์หญิงสาวที่ไม่ได้วิธีการทำงานแบบตรงไปตรงมา มีรูปแบบการใช้ชีวิตแพรวพราวผิดกับตนเอง เธอใช้วิธีสร้างเรื่องเพื่อมาตื๊อขายประกันให้กับเขา ก่อนจะมาปรากฎตัวในมาดขี่มอเตอร์ไซค์ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสาวสวยในชุดทำงานที่ลิฟต์ มิหนำซ้ำยังรู้จักกับคนในวงการโฆษณา และเลือกจบความสัมพันธ์ที่เหมือนจะเดินไปได้ด้วยดีระหว่างเขาอย่างเป็นปริศนาจนสร้างความสับสนว้าวุ่นให้กับชายหนุ่ม เพราะเธอไม่ได้เหมือนกับที่หนังสือฮาวทูอ้างไว้สักนิด

  9. แม้ตัวหนังเองจะมีการสร้างสังคมในเมืองกรุงที่ดูพ้นสมัยไปไม่น้อย ทั้งวิธีการแสดง ภาษาพูดในหนัง ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกของเพื่อนแต่ละคนของระ หรือประเด็นความรักที่ แต่ส่วนที่คิดว่าดีที่สุดก็ยังเป็นการถ่ายทอดวิถีชีวิตในกรุงเทพฯ เพราะน้ำเสียงตัวหนังก็ไม่ได้ชี้ชัดในแง่บทสรุปของพวกเขาว่าอะไรดีไม่ดี หนังเรื่องนี้ที่แม้จะมีน้ำเสียงบ่นการอยากไปใช้ชีวิตต่างจังหวัดของตัวละครหลายคน แต่นั่นก็เป็นแค่การบ่น พวกเขาสุดท้ายก็ล้วนอยู่ในกรุงเทพฯ เพื่อหวังได้พบอิสระอะไรสักอย่างแก่ชีวิต ความรักที่เสรีอาจเป็นหนึ่งในนั้น บางคนพบเจอ บางคนไม่พบ ท่ามกลางความวุ่นวายในเมือง ที่บางครั้งเจ็บ บางครั้งสุข แต่ชีวิตพวกเขาก็ยังเพิ่งเริ่มไม่ต่างกับคนวัยทำงานอีกหลายครั้ง ที่เพิ่งเริ่มต้นกับชีวิต เช่นเดียวกับความรักที่เริ่มต้นเพียงบทแรก

  10. ในอีกด้านหนึ่งการเลือกจบบทสรุปของหนังที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สถานที่ซึ่งระบิลนึกถึงเพราะเพื่อนบอกว่าจะดัดแปลงละครเวทีให้มีฉากหลังที่นี่ ขณะเดียวกันมันก็เป็นพื้นที่ชุมนุมทางการเมืองตลอดมา และอ้างอิงบทประพันธ์ของศรีบูรพาเรื่อง “สงครามชีวิต” (โดยให้ตัวเอกมีชื่อที่คล้ายคลึงกัน “ระพินทร์” และ “ระบิล“) นวนิยายรักที่สะท้อนความแตกต่างทางชนชั้นในสังคม จึงเป็นการจงใจให้หนังส่งสารบางอย่าง ในยุคที่ประเด็นการเมืองตามพระราชบัญญัติภาพยนตร์ฉบับเก่า(ปี พ.ศ.2484) ยังไม่สามารถถูกนำเสนอได้อย่างตรงไปตรงมา(และนับถึงวันนี้ก็มีหนังน้อยเรื่องมากที่จะนำเสนอประเด็นทางการเมืองที่ถูกแม้จะให้อิสระมากขึ้น ก็ถูกมองว่าขายยาก)

  11. นอกจากบทประพันธ์ของศรีบูรพาจะถูกนำมาใช้เพื่อเฉลยปมชีวิตของทิพย์ และบอกว่าทำไมพวกเขาทั้งคู่จึงไม่อาจรักกันได้ มันยังบ่งบอกคาดหวังการเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ๆ ในสังคม

    เมื่อทั้งระและทิพย์ได้มานั่งพูดคุยแบบเปิดใจ ทำความเข้าใจชีวิตอีกฝ่ายกลางอนุสาวรีย์ฯ จนเกิดคำถามต่อหญิงสาวว่า “ผมไม่มีทางจะทำอะไรให้มันเปลี่ยนแปลงไปได้เลยเหรอ ?”

    หลังการร่ำลา ชายหนุ่มเผลอหลับหลังการตามหาหญิงสาวมานานจนอ่อนเพลีย ตื่นขึ้นมาเขาก็ถูกถูกตำรวจล้อมเพราะเข้าใจผิดว่าเขาเป็นคนร้าย ไม่ใช่เป็นปัญหาระหว่างคนสองคน ก่อนหญิงสาวจะเข้าไปหาทางช่วยไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย และจูบเขาอย่างดูดดื่มต่อหน้าสาธารณชน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

© 2024 Doonung.co - Theme by WPEnjoy